กรุงโซล กรณีศึกษาของ ‘เมืองรักคน’ Part 1

Last updated: 24 ก.ย. 2565  |  900 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กรุงโซล กรณีศึกษาของ ‘เมืองรักคน’ Part 1

        สื่อบันเทิงจากเกาหลีก้าวเข้ามาเป็นกระแสหลักของโลกภายในช่วงทศวรรษ ภาพบรรยากาศการใช้ชีวิตประจำวันอย่างสะดวกสบายในเมืองใหญ่ ความเป็นอยู่แสนสบายในสวนสาธารณะริมแม่น้ำฮัน หรืออาหารการกินแบบฉบับเกาหลีถูกส่งผ่านสู่สายตาชาวโลก จนซึมซับกลายมาเป็นหมุดหมายของการเดินทางของชาวไทย ว่าสักครั้งจะต้องเดินทางไปเยือนมหานครแห่งนี้ให้ได้

        วันหนึ่งในช่วงเย็นย่ำหลังเลิกงาน แม้จะเป็นวันธรรมดาที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อน แต่เราเห็นภาพครอบครัวพร้อมหน้า คู่รักหลายวัย นั่งเล่นอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าในสวนสาธารณะหรือลานกลางแจ้ง โดยมีฉากหลังเป็นแมกไม้สีเขียว นั่งชมการแสดงน้ำพุเต้นระบำ เด็กเล็กวิ่งไล่จับกับเพื่อนที่รู้ใจ ผู้ใหญ่สูงวัยจับกลุ่มนั่งคุยพลางหัวเราะ นี่คือกิจกรรมประจำวันที่เกิดขึ้นจริงใน ‘กรุงโซล’

         ณ มหานครแห่งนี้ เราได้เห็นผลลัพธ์ที่ผู้คนใช้เวลาอย่างมีคุณภาพเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่กว่าจะเดินทางมาถึงจุดนี้ในปี 2022 กรุงโซลผ่านนโยบายการจัดการเมืองมาหลายเฟส ตั้งแต่ผังเมืองโจซอนที่นับเป็นการวางผังมหานครสมัยใหม่ฉบับแรกในปี 1934 ก่อนที่สงครามจะนำมาสู่การปฏิรูปเมืองใหม่ การพัฒนาผังเมืองถูกประเมินทุกสิบปี เพื่อนำมาสร้างแผนใหม่ จนกระทั่งถึงปัจจุบันที่มองวิสัยทัศน์ของอนาคตที่ ‘การสร้างเมืองแห่งความสุขของประชากรผ่านการสื่อสารและความคิดเห็น’
เมืองที่คนเดินถนนเป็นศูนย์กลาง

        หลังจากผ่านความตรากตรำในช่วงสงคราม ส่งผ่านมาถึงการสร้างเมืองใหม่ระดับโลกด้วยงานโอลิมปิกและฟุตบอลโลก นโยบายถัดไปเพื่อส่งเสริมความเติบโตของกรุงโซลในรูปแบบใหม่คือการใช้ดีไซน์เข้ามาสร้างมูลค่า และเป็นประวัติศาสตร์บทใหม่ให้กับกรุงโซล
        ในแผนพัฒนาเมืองฉบับล่าสุด 2030 Seoul Plan ที่เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาผังเมืองในอีก 20 ปีข้างหน้า มีข้อหนึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า จะต้องเป็นผังเมืองที่มีผู้คนและสถานที่เป็นศูนย์กลางในแต่ละย่านเพื่อนบ้าน (Neighborhood Plan) ด้วยการจัดสรรสิ่งแวดล้อมและสาธารณูปโภคให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันที่ดี และกระจายแนวคิดเหล่านี้ไปตามชุมชนต่างๆ อย่างสมดุล เพื่ออำนวยความสะดวกให้เท่าเทียมกันในทุกเขต เพราะสมดุลที่ดี ก่อให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึงสาธารณูปโภค ความสะดวกสบาย โดยเฉพาะกับการสัญจรที่ควรเข้าถึงทุกที่ได้ด้วยการคมนาคมสาธารณะและการเดินเท้า
        แผนการลำดับถัดไปจึงเป็นการสร้างศูนย์หลักเพื่อกระตุ้นการพัฒนาเมืองที่อยู่รายรอบให้ได้อย่างสมดุล ยกตัวอย่างพื้นที่ที่เคยใช้จัดงานใหญ่ระดับโลก อย่างสนามกีฬา Jamsil Sports Complex ที่ใช้จัดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ในปี 1986 ถูกพัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับครอบครัวในวันว่าง ไปพร้อมกับการดึงเอาคาแร็กเตอร์ของการเป็นอาคารที่รวมเอาผู้คนมาไว้รวมกัน บวกกับบริบทของวัฒนธรรม ปรับเปลี่ยนให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมของกีฬาและการจัดแสดงเคป็อปในเวลาเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ในวันหยุด เราจะพบกับครอบครัวที่พาลูกหลานมาขี่จักรยาน เล่นสเก็ต ชมการแสดงสำหรับเด็ก ไปพร้อมกับกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาชมคอนเสิร์ตตามอาคารและลานต่างๆ ตามอัธยาศัยในพื้นที่แห่งนี้
        หนึ่งในแผนการปรับเมืองที่สร้างชื่อให้กับกรุงโซลอย่างยิ่ง คือแผนการพัฒนาริมแม่น้ำฮันให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับทุกคน ในนิยามของกรุงโซล แม่น้ำแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการสร้างเมืองใหม่ที่ใส่ใจกับชีวิตของผู้คนมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สามารถส่งต่อไปถึงรุ่นลูกหลานผ่านไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเท่าเทียม พร้อมกับเป็นการปรับระบบนิเวศเมือง ร่วมไปกับการสร้างเมืองที่เป็นมิตรกับผู้คนด้วยสิ่งแวดล้อม
เมืองแห่งอัตลักษณ์ที่คงไว้ และสร้างใหม่ด้วยดีไซน์

        ‘Everything is Design in Seoul Today – วันนี้ใน กรุงโซล ทุกอย่างคือการออกแบบ’ เป็นวลีที่เราเห็นภาพได้ชัดเจนผ่านสาธารณูปโภคที่เห็นรอบตัว จากแนวคิดที่ว่า “การใช้ดีไซน์เป็นกระบวนการในการสร้างทางออกเพื่อแก้ไขปัญหา” โดยเริ่มต้นจากการออกแบบเมือง การออกแบบภาคบริการ และการออกแบบระบบตามลำดับ ซึ่งสิ่งที่นโยบายลงมือคิดและทำ ไม่ใช่เพียงการสร้างสรรค์ข้อกำหนดใหม่ๆ ขึ้นมา แต่เป็นการกลับไปค้นหารากดั้งเดิมของวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของผู้คน เพื่อทำความรู้จักกับประชาชน สังคม และชีวิต ก่อนนำไปสู่การสร้างนโยบายสร้างสรรค์ด้วยยุทธศาสตร์ Cultureconomics หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวัฒนธรรม เป็นลำดับต่อไป
        ในแง่ของผังเมือง ส่วนกลางของกรุงโซลเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติมาอย่างยาวนาน แต่โจทย์อีกขั้นคือ  จะทำอย่างไรให้สามารถส่งต่อเรื่องราวเหล่านี้ไปยังรุ่นลูกหลานในอนาคต พร้อมกับใช้มรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเหล่านี้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อเติมชีวิตชีวาให้กับประชากรในเมือง และฟื้นฟูเมืองโดยมองยาวไปถึงอนาคต

        จากการประเมินของหน่วยงานภายในภาคดีไซน์ของกรุงโซลสรุปได้ว่า จุดแข็งของเมืองคือการยอมรับในการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เมืองพัฒนาขึ้น เราจึงได้เห็นการออกแบบสภาพแวดล้อมที่ทำให้พระราชวังเก่าอยู่ร่วมกับอาคารสำนักงานสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืน หรือกระทั่งอาคารล้ำสมัยท่ามกลางทงแดมุน ย่านช็อปปิ้งท้องถิ่น  อย่าง Dongdaemun Design Plaza ศูนย์กลางงานดีไซน์ที่ออกแบบโดย Zaha Hadid จนกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของงานออกแบบในระดับโลก สร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งคนในท้องถิ่นเอง และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าใจบริบทของโซลกับงานดีไซน์ได้มากขึ้น
        ในส่วนการสร้างโฉมหน้าเมืองใหม่ โดยยึดเอาลำน้ำและถนนเป็นหลัก การสร้างภาคบริการและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง เป็นต้นทางที่นำไปสู่ Soft:Seoul ในลำดับถัดมา ซึ่งสรุปรวมเป็นการพัฒนาเมืองโดยโฟกัสไปที่วัฒนธรรมและดีไซน์ที่ค่อยๆ สอดแทรกให้กลมกลืนเข้าไปกับชีวิตประจำวัน อย่างการสร้างสรรค์เมืองที่แวดล้อมไปด้วยงานออกแบบ ตั้งแต่ป้ายรถเมล์ ป้ายบอกทาง และสาธารณูปโภคที่ออกแบบโดยให้ผู้ใช้งานเดินถนนเป็นที่ตั้ง การสร้างดีไซน์เซ็นเตอร์ในแต่ละเมือง การสอดแทรกความคิดอย่างสร้างสรรค์เข้าไปเป็นบทเรียนสำหรับนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถม รวมไปถึงที่เราๆ เห็นกันได้ชัดคือ การรวมให้อุตสาหกรรมบันเทิงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวัฒนธรรมงานดีไซน์ ผ่านทางรายการที่นำเสนอคอนเทนต์ของรายการในเชิงสร้างสรรค์ทั้งทางตรงอย่างรายการแนะนำการแต่งบ้านสำหรับแม่บ้าน ไปจนถึงงานออกแบบฉากคอนเสิร์ตและซีรีส์
 

 

 

ที่มาบทความ และรูปภาพ :  https://ngthai.com/travel/42649/seoul-city-people/

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้